ใน นาดี มี อะไร
31 ตุลาคม 2561
ใน นาดี มี อะไร
มานี มา หา อา
อา มี นา
นา มี งู
นา มี ปู สีดำ
ฯลฯ
ในแบบเรียนภาษาไทย เราได้อ่านเรื่องราวความอุดมสมบูรณ์ของผืนนาผ่านตัวสะกดง่าย ๆ ได้ยินได้ฟังว่ามีสัตว์น้อยใหญ่มากมายอยู่ในนาข้าว ในขณะที่โลกนอกหนังสือ ชาวนาจำนวนใหญ่เลือกใช้สารเคมีกำจัดศัตรูข้าวจนสัตว์น้อยใหญ่เหล่านั้นต้องลี้ภัย เหลือเพียงใบข้าวสีเขียวปั้ด ไร้หญ้ารุกราน และไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดมาไต่ตอม
นั่นอาจจะง่ายดีที่ชาวนาไม่ต้องต่อสู้กับศัตรูพืชตัวร้าย แต่พวกเขาต้องต่อสู้กับโรคร้ายจากการสะสมสารเคมีอันตรายทีละเล็กทีละน้อยจากการฉีดพ่นซ้ำ ๆ บางส่วนตกค้างไปสู่ข้าวที่เรากิน บางสิ่งหลงเหลืออยู่ในระบบนิเวศและสร้างผลกระทบต่อไปและต่อไป ในขณะที่ชาวนาที่เลือกปลูกข้าวด้วยวิถีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี มุ่งสู่วิถีอินทรีย์ที่ยั่งยืนกว่า พวกเขาอาจจะต้องใช้เวลามากมายในการดูแลข้าวทุกต้น ถอนหญ้าและวัชพืชสม่ำเสมอ หาวิธีเอาชนะแมลงร้ายและศัตรูที่คอยซุ่มโจมตี แต่ก็แลกกับชีวิตชีวาที่อยู่ในนาข้าว มีความมั่นคงทางอาหารที่ทำให้อิ่มท้องโดยไม่ต้องซื้อหา และสร้างภาระให้สิ่งแวดล้อมน้อยลง
ที่สำคัญ นาข้าวอินทรีย์ทำให้สัตว์น้อยใหญ่แบบที่เราเคยอ่านในแบบเรียน (และมากกว่าในแบบเรียน) กลับคืนมา
ใน นา ดี มี ปลา หลายตัว
ไม่ใช่แค่น้ำที่มีปลา ในนาก็มีปลาได้ด้วย หากชาวนาไม่ฉีดยาฆ่าแมลงหรือใช้สารเคมี ก็สามารถเลี้ยงปลาช่อน ปลานิล ปลาไน ปลาสลิด ปลาหมอ ปลาตะเพียน ฯลฯ ไว้กินอิ่มและขายเพิ่มรายได้ในนาเดียวกัน ข้อดีของปลาเลี้ยงในนาคือความแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายเหมือนปลาเลี้ยงบ่อ แถมยังเนื้อแน่นอร่อยกว่า ที่สำคัญ การเลี้ยงปลายังช่วยเพิ่มผลผลิตของข้าว เพราะมูลปลาช่วยเพิ่มแร่ธาตุ เป็นปุ๋ยชีวภาพที่ทำให้ข้าวเติบโตได้ดี และยังช่วยกินแมลงและศัตรูข้าว โดยไม่ต้องพึ่งเคมีที่ส่งผลต่อสุขภาพทั้งคนฉีด คนปลูก คนกิน ไปจนถึงสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ใน นา ดี มี ปูนา สี ดำ
ปูนาที่เดินเซไปเซมาอยู่ในนาข้าวถูกขึ้นบัญชีดำเป็นศัตรูต้นข้าวอันดับต้นๆ เพราะก้ามคม ๆ ของมันทำลายต้นข้าวเก่งนักแหละ ชาวนาใจร้อนเลยเลือกใช้ยาเบื่อปูซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายกำจัดปูนาไปจนสิ้น เหลือไว้เพียงสารพิษตกค้างน่าหวั่นใจ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเรามีภูมิปัญญาในการกำจัดปูจากธรรมชาติมากมาย ทั้งเม็ดมะขาม สะเดา มันสำปะหลัง ฯลฯ หรือจะดักลอบจับมาปรุงสารพัดเมนูมากมาย ทั้งปูอ่อง น้ำปู๋ เอาะปู น้ำพริกโอ๊ะโละปู ฯลฯ ยุ่งยากกว่า แต่ก็แลกมาด้วยความอร่อย
หนึ่งตัวอย่างร่วมสมัยและน่าสนใจ คือ ‘ข้าวนาปู’ ที่เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย ประเทศจีน ที่ปลูกข้าวควบคู่ไปกับการเลี้ยงปู วิธีการคือรอให้ต้นกล้าตั้งตัวแล้วค่อยปล่อยลูกปูลงนา ผลลัพธ์คือปูทำให้ดินร่วนซุยและช่วยกำจัดวัชพืชกับแมลงอย่างแข็งขันจนไม่ต้องพึ่งสารเคมี แถมยังมีสตอรี่มากคุณค่า จนทำให้ข้าวนาปูแพงกว่าข้าวทั่วไปถึง 5 เท่า!
ใน นาดี มี กุ้ง เครย์ฟิช
เครย์ฟิช กุ้งก้ามแดง หรือล็อบสเตอร์น้ำจืด คือกุ้งยอดฮิตที่ชาวสแกนดิเนเวียนชอบกินมาเป็นร้อยปี ส่วนพี่ไทยอย่างเรารู้จักเพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรดฯ ให้โครงการหลวงทดลองวิจัยเพื่อเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่เลี้ยงในนาข้าวเพื่อเพิ่มรายได้ และที่เราควรสนใจนอกเหนือไปจากความอร่อย หน้าตาเก๋ ขึ้นโต๊ะอาหารแล้วดูดีมีระดับ คือเจ้ากุ้งชนิดนี้เป็นกุ้งที่แพ้สารเคมีอย่างรุนแรง แค่ถูกยาสระผมมันก็ตายได้ง่าย ๆ แล้ว ประสาอะไรกับยาฆ่าแมลง พวกมันจึงอยู่ได้เฉพาะในนาอินทรีย์ที่ปลอดสารพิษ 100% เท่านั้น
ใน นาดี มี เป็ด
การเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งในนาอินทรีย์มีดีหลายอย่าง เริ่มจากเป็ดจะมีสุขภาพเเข็งแรง ร่าเริงอารมณ์ดีเพราะไม่ถูกกักขังอยู่ในที่แคบ ๆ ส่งผลให้ได้ไข่เป็ดสม่ำเสมอ คุณภาพดี และปลอดภัยคนกิน มากกว่านั้น เป็ดยังช่วยดูแลต้นข้าว กินเหล่าวัชพืช ทั้งหอยเชอร์รี่กำจัดยาก ปูนาขาคม และแมลงต่าง ๆ แถมมูลของมันยังเป็นปุ๋ยให้ข้าว เป็นอาหารให้กุ้ง ปู ปลา ที่อยู่ในนา นับเป็นอุดมคติของนาที่อุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ มีชีวิตชีวาพร้อมเสียงร้องก๊าบ ๆ ของมัน
ใน นาดี มี กบ และ แมลงปอ
ที่จริงแล้ว กบตามท้องนาคือผู้ช่วยชาวนาในการกำจัดแมลงศัตรูพืชตามธรรมชาติ แต่เมื่อเกษตรกรส่วนใหญ่เลือกใช้สารเคมีหนักข้อเข้า ระบบนิเวศจึงเปลี่ยนไปจนกบไม่สามารถอาศัยอยู่ในนาได้ตามเดิม เช่นเดียวกับแมลงปอที่นอกจากจะช่วยกำจัดศัตรูข้าวอย่างเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลซึ่งเป็นศัตรูข้าวตัวฉกาจ สัตว์ปีกบางสวยตัวนี้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นตัวชี้วัดคุณภาพน้ำและอากาศตามธรรมชาติ เนื่องจากแมลงปอต้องใช้น้ำที่สะอาดสำหรับการวางไข่ เเถมยังชอบอยู่ในที่ที่อากาศปลอดโปร่ง มลพิษน้อย และอุดมสมบูรณ์ แมลงปอจึงเป็นสัญลักษณ์ว่านาผืนนั้นอุดมสมบูรณ์และปลอดภัยนั่นเอง
ใน นาดี มี กบ กิน แมลงปอ
และในนาดีที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่อาศัยของกบและแมลงปอ ก็ย่อมมีบ้างที่กบจะจับแมลงปอกิน…
ใน นาดี มี นกกระเรียน
เมื่อนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่เคยอาศัยอยู่ตามพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างท้องนา ต้องลี้ภัยการถูกล่าและสารเคมีทางการเกษตรจากระบบกสิกรรมสมัยใหม่ มันจึงสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยเกือบ 50 ปี แต่ข่าวดีน่าชื่นใจก็คือ เจ้านกกระเรียนเหล่านี้กลับมาอาศัยและขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้อีกครั้งจากการวิจัยอย่างจริงจังหลายปี และความร่วมไม้ร่วมมือของชาวนาเมืองบุรีรัมย์ที่หันมาปลูกข้าวอินทรีย์ที่ก่อให้เกิดระบบนิเวศที่เอื้อให้เจ้านกชนิดนี้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย นั่นแปลว่า ในนาดีไม่เพียงแค่ได้ข้าวดี แต่ยังช่วยฟื้นคืนธรรมชาติและสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน
ใน นาดี มี นกยูง
นกยูงเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองหายากที่พบเจอได้อย่างน้อยนิดในป่าทางภาคเหนือและภาคตะวันตกของไทยที่ยังคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น การที่นาข้าวอินทรีย์ในตำบลจุน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา มีนกยูงแวะเวียนมาหากินอย่างสม่ำเสมอ ย่อมหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ที่เกื้อกูลกันระหว่างพื้นที่การเกษตรและสัตว์น้อยใหญ่ และการทำนาอินทรีย์นั้นไม่เพียงส่งผลดีต่อผู้ปลูกและผู้กินเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาธรรมชาติให้สมบูรณ์ต่อไป