Responsive image Responsive image

นิทานจากท้องนา เรื่อง ชาวนาและผู้พิทักษ์ข้าว

9 พฤศจิกายน 2564



คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตไหม ว่าลูกน้อยที่เกิดและเติบโตในโลกปัจจุบันที่เร่งรีบ อาจจะรู้สึกใกล้ชิดกับ ‘ข้าวในจาน’ มากกว่า ‘ท้องนา’ ศาลานาอยากให้หนูน้อยทำความรู้จักต้นกำเนิดและรู้คุณค่าของข้าวตั้งแต่ก่อนเข้าปฐมวัย นิทานจากท้องนา เรื่อง ‘ชาวนาและผู้พิทักษ์ข้าว’ จึงเกิดขึ้น

การปลูกฝังคุณค่าของข้าวอินทรีย์ให้เด็กตั้งแต่เล็ก ๆ ผ่านการเล่านิทานเรื่องนี้ให้ลูกฟัง นอกจากจะทำให้เด็ก ๆ เข้าใจความเหน็ดเหนื่อยของชาวนากว่าจะได้ข้าวแต่ละเมล็ด ยังได้เสริมแนวคิดเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติที่เป็นเรื่องยากให้เด็กเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่ากว่าจะมาเป็นข้าวอินทรีย์ที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว ข้าวที่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์เต็มเมล็ด ปลอดภัย ไร้สารเคมี กินดีในทุกมื้ออาหาร ชาวนาต้องทุ่มเทอย่างไร

คุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดนิทานเรื่องนี้ในโทรศัพท์มือถือหรือไอแพด แล้วอ่านให้เด็กน้อยฟัง ชวนกันเพลิดเพลินไปกับภาพสีสันสดใส และเรียนรู้เรื่องข้าวอินทรีย์ไปด้วยกัน



หนู ๆ รู้ไหม ว่าท้องนาแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ท้องนาที่ปลูก ‘ข้าวอินทรีย์’ ไม่เหมือนนาทั่วไป เพราะชาวนาตั้งใจดูแล ไม่ใส่สารเคมีเลยแม้แต่หยดเดียว ทั้งในดิน น้ำ และอากาศ เราเรียกข้าวที่ปลอดภัยจากสารพิษว่า ‘ข้าวอินทรีย์’  ข้าวนี้มีคุณค่าที่ร่างกายต้องการอยู่เต็มเมล็ด และยังใจดีกับนก ปู ปลา แมลงปอในระบบนิเวศเดียวกัน ที่สำคัญชาวนาในนาข้าวอินทรีย์ ก็ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคร้ายที่มาพร้อมสารเคมีที่ฉีดพ่น และประหยัดเงินเพราะไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีราคาแพงด้วยนะ



ในทุก ๆ วัน ชาวนาต้องมาดูแลข้าว ใส่ปุ๋ยที่หมักหรือปุ๋ยอินทรีย์เป็นอาหารให้ต้นข้าวเจริญเติบโตตามธรรมชาติ แต่รู้ไหมว่ายังมี ‘ดิน’ และ ‘น้ำ’ เป็นผู้พิทักษ์ดูแลข้าวหลังจากชาวนากลับบ้านไป เพราะดินจะช่วยส่งแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นให้ต้นข้าว ส่วนน้ำจะช่วยละลายสารอาหารในดินให้ต้นข้าวดูดซึมไปเลี้ยงลำต้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นดินและน้ำที่อยู่ในนาข้าวอินทรีย์ปลอดจากสารเคมีทั้งคู่ ต้นข้าวที่เติบโตในนานี้จึงปลอดสารเคมีตามไปด้วย ท้องนานี้จึงมีความสุขเพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากชาวนาและผู้พิทักษ์ข้าวนั่นเอง 



เมื่อข้าวออกรวงสีเหลืองทองสวย วันเกี่ยวข้าวก็มาถึง ในวันนี้ชาวนาจะเหนื่อยกว่าทุกวันเพราะต้องอยู่ท่ามกลางแดดจ้าตั้งแต่เช้าถึงเย็น แต่ชาวนารู้ว่าข้าวทุกเมล็ดที่ปลูกมีคนกำลังรอซื้ออยู่ ที่สำคัญชาวนาไม่ได้ทำนาเพียงคนเดียวเพราะชาวนามีที่เพื่อนที่ปรึกษาชื่อว่า ‘ศาลานา’ ที่คอยช่วยเหลือชาวนาทำให้การทำนาอินทรีย์ไม่ใช่เครื่องยากอีกต่อไป ชาวนาปลูกข้าวเสร็จศาลานาก็มารับซื้อ ชาวนาก็จะปลูกข้าวอินทรีย์ได้อีกเรื่อย ๆ ทำให้ท้องนาแห่งนั้นเป็นท้องนาที่ปลอดสารเคมีปลอดภัยต่อชาวนาและปลอดภัยต่อเราคนกินด้วย



ตั้งแต่ชาวนาเริ่มปลูกข้าวอินทรีย์จนเดินทางมาเป็นข้าวสวยในจานเรา หนูเห็นไหมว่าในแต่ละวันชาวนาและผู้พิทักษ์ข้าวต้องเหน็ดเหนื่อยกันขนาดไหน ดังนั้น หนูๆ ควรกินข้าวให้หมดจาน ให้ชาวนาดีใจและมีกำลังใจในการปลูกข้าวที่ปลอดภัยให้หนูกินแบบนี้อีกเรื่อย ๆ นะ

ส่วนข้าวอินทรีย์ที่ปลูกได้ ศาลานาได้นำข้าว มาผสมกันจนกลายเป็น ‘ข้าว 5 สายพันธุ์’ รวมพลังข้าวที่มีประโยชน์ไว้ในถุงเดียว ให้หนู คุณพ่อ คุณแม่ และทุกคนในครอบครัวได้กินข้าวที่มีสารอาหารสูงกว่าข้าวสีขาวทั่วไป เพราะเป็นข้าวที่ขัดสีออกเพียงเล็กน้อยหรือที่เรียกว่าข้าวซ้อมมือ มีวิตามินและแร่ธาตุช่วยบำรุงร่างกาย เช่น วิตามินบีรวมช่วยบำรุงสมอง หรือโฟเลตที่ช่วยสร้างภูมิต้านทาน และที่สำคัญย่อยง่าย ไม่ทำให้ท้องของเราอืดอีกด้วย

เมื่อหนูกินข้าวหมดจาน ร่างกายของหนูก็จะได้สารอาหารจากข้าวไปเต็ม ๆ ยังไงล่ะ

คุณพ่อคุณแม่สั่งซื้อข้าวอินทรีย์ไปให้หนู ๆ กินได้ที่ www.salanashop.com



เรื่องที่น่าสนใจ

ทำไมข้าวหอมมะลิ 105 อินทรีย์ ถึงน่าอุดหนุน

ในกาลก่อน “นาข้าว” เป็นเสมือนขุมทรัพย์ที่ทำให้เราสามารถมีกิน มีใช้ ได้อย่างไม่รู้หมด ทว่าในยุคหลังไม่กี่สิบปีมานี้ การทำนาแบบดั้งเดิมเพื่อกิน เพื่อใช้ เริ่มหายไป ชาวบ้านต่างทำนาเพื่อให้ได้ผลผลิตมาก ๆ

เพื่อน ๆ ชาว ส.ว. (สูงวัย) ใครกำลังเจอปัญหาถ่ายรูปแล้วภาพเบลอ หรือถ่ายอย่างไรก็ไม่ได้ดั่งใจกันอยู่หรือเปล่า?

รศ. ดร. ประภาส ปิ่นตบแต่ง นักวิชาการรัฐศาสตร์ผู้ชี้ (และทำ) ให้เห็นว่าทางรอดของชาวนาไทยคือการปลูกข้าวอินทรีย์ที่ปรึกษาโครงการศาลานา นักวิชาการรัฐศาสตร์ และชาวนาผู้ขับเคลื่อนคุณค่าของข้าวอินทรีย์

ส่ง-ข้าว-สุข ทุกปีใหม่ ทำไมผู้คนทั่วโลกถึงนิยมกินข้าว ในเช้าวันใหม่ของทุกปี?